“รัฐสภาโรมาเนีย” เชิญ “ลูกพิชัย” ร่วมประชุมนานาชาติที่กรุงบูคาเรสต์ ในหัวข้อ “ผู้นำทางการเมือง การศึกษา และ การทูต: เพื่อนำไปสู่สันติภาพอันยั่งยืนในสังคม”

“รัฐสภาโรมาเนีย” เชิญ “ลูกพิชัย” ร่วมประชุมนานาชาติที่กรุงบูคาเรสต์ ในหัวข้อ “ผู้นำทางการเมือง การศึกษา และ การทูต: เพื่อนำไปสู่สันติภาพอันยั่งยืนในสังคม”

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหารและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ได้รับเชิญจากรัฐสภาประเทศโรมาเนียให้เข้าร่วมประชุมนานาชาติ The 2022 SOUTHEASTERN EUROPEAN
GATHERING: หัวข้อ “Leadership In Politics, Education And Diplomacy: Toward A Sustainable Peace In Society” (ผู้นำทางการเมือง การศึกษา และ การทูต: เพื่อนำไปสู่สันติภาพอันยั่งยืนในสังคม) ที่กรุงบูคาเรสต์ เมืองหลวงประเทศโรมาเนียระหว่างวันที่ 26-27 พฤษภาคม 2565 นี้ โดยมีตัวแทนจากประเทศต่างๆหลายสิบประเทศเข้าร่วม รวมทั้งตัวแทนจาก สหรัฐอเมริกา ประเทศต่างๆในยุโรป อินเดีย ฯลฯ โดยได้รับเชิญให้ร่วมกล่าวแสดงความเห็นในที่ประชุมด้วย ทั้งนี้นายพชรจะได้แสดงความเห็นในปัญหาของประเทศไทยที่กำลังเป็นอยู่ให้ประชาคมโลกได้รับทราบ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาของไทยในปัจจุบัน

ทั้งนี้นายพชร ได้เป็นผู้ฝึกสอน ให้กับสถาบันนานาชาติ พอย์ทแมน ลีดเดอร์ชิพ ในการ เสริมสร้างภาวะผู้นำและต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น กับ จนท รัฐ ทั่วโลก โดยเคยนำองค์กรนี้มาอบรมให้กับข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ของไทย จัดอบรมที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติของประเทศกัมพูชา โดยที่นายพชรมี เมนทอร์ที่ดีจากทุกมุมโลก ตั้งแต่เหล่า สมาชิกสภา ครองเกรส และ สมาชิกวุฒิสภา ที่ วอชิงตัน ดีซี รวมถึงอดีตผู้ว่า เมืองจาการ์ตา

นายพชรจบการศึกษาปริญญาตรี รัฐศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (USC) ปริญญาโทสาขาอาชญวิทยา จากมหาวิทยาลัยมหิดลบอสตัน และ ปริญญาโทสาขาการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย

นายพิชัยกล่าวว่าในอดีตช่วงหลังการปฏิวัติตนได้รับเชิญจากองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งทั้งจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป เพื่อให้ไปร่วมงานประชุมนานาชาติ เพื่ออธิบายสถานการณ์ของประเทศไทยโดยมีหนังสือเชิญมา แต่ คสช. และ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ในช่วงเผด็จการไม่อนุญาตให้ตนเดินทาง โดยมีการปิดกั้นเสรีภาพของตนในการเดินทางออกนอกประเทศเป็นเวลากว่า 1 ปี

 

Related posts